ถั่วฮามาต้า

การใช้ประโยชน์ในการเกษตรมีหลายแง่มุม โดยเฉพาะในการเพิ่มรายได้และการเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน นี่คือบางวิธีที่สามารถใช้ประโยชน์ในการเกษตร

1. การเพาะปลูกเพื่อการค้า: สามารถเพาะปลูก เพื่อการค้าได้ เนื่องจากมีความนิยมในการบริโภคและใช้ในอาหารหลายชนิด การเลือกพันธุ์ที่เหมาะสมและการจัดการที่เหมาะสมอาจช่วยเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของผลผลิต

2. การเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน: เป็นพืชตระกูลถั่วที่มีคุณสมบัติในการจุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกับรากที่ช่วยในการตกตะกอนไนโตรเจนในดิน การปลูกเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มธาตุอาหารในดินและปรับปรุงโครงสร้างของดิน ทำให้เกษตรกรสามารถลดการใช้ปุ๋ยเคมีได้ นอกจากนี้ รากของถั่วยังช่วยในการรักษาความชื้นในดิน

3. การใช้เป็นพืชบำบัด: มีความสามารถในการลดปัญหาการควบคุมศัตรูพืชและโรคพืช โดยเฉพาะเชื้อราที่สามารถก่อโรครากเน่าโคนเน่า การใช้ถั่วเป็นพืชลำเลียงหลักหรือพืชแนวระหว่างฤดูปลูก สามารถช่วยในการป้องกันและควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. การใช้ในระบบการเพาะปลูกผสม: สามารถใช้ในระบบการเพาะปลูกผสม เช่น ร่องเพาะเมล็ดหรือการเพาะเมล็ดระบบไฮโดรโปนิกส์ เพื่อผลิตพืชอื่นๆพร้อมกัน ในพื้นที่เดียวกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรและเพิ่มรายได้ในยูนิตพื้นที่เดียวกัน

การใช้ประโยชน์ในการเกษตรช่วยเพิ่มรายได้และช่วยในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนและเป็นระบบ

สามารถปลูกได้ง่ายในดิน หลายชนิด โดยเฉพาะในพื้นที่และสภาพฝนปานกลางทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โตเร็วลักษณะเป็นทรงพุ่มเตี้ยแตกกิ่งก้านมาก ติดเมล็ดมาก เมล็ดมีความงอกสูงและสามารถขึ้นสู้กับหญ้าพื้นเมืองได้ดี โดยเฉพาะในที่โล่งแจ้ง ทนต่อการแทะเล็มและการเหยียบย่ำของสัตว์ ที่สำคัญคือต้านทานโรคแมลงได้ดี

มีคุณค่าทางอาหารสูง โค-กระบือชอบกิน และไม่ปรากฎว่าเป็นพิษต่อสัตว์ สามารถใช้ปลูกปนกับหญ้าได้หลายชนิดเพื่อปรับปรุงคุณภาพของหญ้าใช้สำหรับตัดหรือปล่อย ให้สัตว์ลงแทะเล็มเพื่อใช้เป็นอาหารหลักของโค-กระบือโดยตรง

เนื่องจากการขยายตัวในการผลิตโค-กระบือเพิ่มขึ้นมา ปัญหาด้านอาหารสัตว์ก็มีมากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะพื้นที่การเพาะปลูกมีจำกัด เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ส่วนใหญ่ยังต้องอาศัยทุ่งหญ้าสาธารณะ ป่าละเมาะ และที่รกร้างว่างเปล่า บริเวณชายป่าหรือเชิงเขา คันนาและสองข้างทางถนนเป็นที่เลี้ยงสัตว์ พืชที่ขึ้นส่วนใหญ่เป็นหญ้าที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ ความสมบูรณ์ของหญ้าจะขึ้นกับสภาพดินฟ้าอากาศ

การศึกษาวิจัยด้านผลผลิตและคุณค่าทางอาหารของถั่วฮามาต้า ได้มีนักวิชาการหลายท่านที่ สนใจและได้ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับถั่วพอสรุปได้ สามารถปลูกโดยใช้เมล็ดหว่านทับหน้าดินหลังจากไถย่อยดินดีแล้วโดยไม่ต้องไถกลบ ใช้เมล็ดถั่วในอัตรา 4 กิโลกรัม/ไร่ และควรแช่เมล็ดในน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 80 C (เซลเซียส) นาน 10 นาทีก่อนนำไปปลูก อาจปลูกเฉพาะถั่วฮามาต้าชนิดเดียวหรือปลูกปนกับหญ้าอื่น ๆ เช่น หญ้าขน (มอริชัส) หญ้าเฮมิล คอสตอลเมอมิวด้าหรือบัฟเฟิลก็ได้โดยถั่วสามารถจะคงอยู่กับหญ้าภายหลังการปล่อยสัตว์แทะเล็มหรือทนทานการเหยียบย่ำได้ดี

สำหรับในสภาพดินทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือควรใช้ปุ๋ยฟอสเฟต (หินฟอสเฟต) อัตรา 30 กิโลกรัม/ไร่ ปูนยิบซั่มอัตรา 25 กิโลกรัม/ไร่ และในดินทางภาคเหนือนอกจากปุ๋ยทั้งสองชนิดนี้แล้ว ควรใช้ปุ๋ยโพแตสเซียมคลอไรด์อัตรา 25 กิโลกรัม/ไร่ ร่วมด้วยจะได้ผลดี จากผลการทดลองของนักวิจัยหลายท่านพบว่า ถ้าใช้ระยะเวลาการปลูกและการเขตกรรมที่เหมาะสมแล้ว ถั่วยังสามารถใช้ปลูกเป็นพืชอาหารสัตว์ร่วมกับพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น มันสำปะหลังและปอ เป็นต้น

คุณค่าทางอาหาร ถั่วฮามาต้า จะมีโปรตีนสูงเมื่ออายุน้อย และจะลดลงเรื่อย ๆ เมื่อต้นถั่วมีอายุมากขึ้นหลังจากถั่วตั้งตัวดีแล้ว ในช่วงฤดูฝนสามารถปล่อยสัตว์แทะเล็มได้หลายครั้งโดยต้นถั่วจะแตกยอดอ่อนและให้คุณค่าทางอาหารสูง ถ้าจะตัดให้สัตว์กินหรือตัดทำหญ้าแห้งควรตัดเมื่ออายุต้นถั่วอยู่ระหว่าง 45-60 วัน และไม่ควรเกิน 60 วัน เพราะช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เหมาะที่สุด เพื่อจะได้ต้นถั่วที่ให้โปรตีนสูงระหว่าง 17-18 เปอร์เซนต์ และให้ผลผลิตน้ำหนักแห้งระหว่าง 1,425 – 1,838 กิโลกรัม/ไร